รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ
เวลา 01.45 น. วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2551
ถ่ายทอดสด ทรู วิชั่นส์ 65, ช่อง 3, ช่อง 7
ผู้ตัดสิน ลูบอส มิเชล
ข้อมูลของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์พรีเมียร์ ลีก หมาดๆ กำลังมุ่งเป้าไปถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในวันพุธนี้ และนั่นก็จะเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์อีกครั้งของพวกเขา นับตั้งแต่ทำได้ในฤดูกาล 1998 – 99
ส่วนเชลซี ไปมอสโคว ครั้งนี้ด้วยความหวังที่จะคว้าถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
การแข่งขันนัดนี้เป็นครั้งแรกในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทีมทั้งสองทีมจากอังกฤษได้มาพบกันในนัดชิงชนะเลิศ และเป็นครั้งที่ 3 ที่สโมสรจากประเทศต้องมาแย่งถ้วยนี้กันเอง โดยในปี 2000 นัดชิงชนะเลิศเป็นการพบกันของ 2 ทีมจากสเปน โดยผลการแข่งขันจบลงที่ชัยชนะของรีล มาดริด ที่เอาชนะบาเลนเซีย 3 – 0 จากนั้นในปี 2003 ก็เป็นการพบกันของ 2 ทีมจากอิตาลี โดยเอซี มิลาน เอาชนะยูเวนตุส ได้จากการยิงลูกโทษ
หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะได้ ก็จะเป็นถ้วยใหญ่ถ้วยที่ 34 ของสโมสร แต่หากเป็นชัยชนะของเชลซี ก็จะเป็นถ้วยใหญ่ถ้วยที่ 11 ของสโมสร
นอกจากนี้ชัยชนะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำให้พวกเขาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุโรปเป็นอันดับที่ 6 แต่ถ้าเป็นเชลซี พวกเขาก็จะเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จในยุโรปเป็นอันดับที่ 10
แน่นอนว่าปีนี้แชมป์ตกเป็นของทีมจากอังกฤษ และจะเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 11 ของสโมสรในอังกฤษ โดย 10 ครั้งก่อนหน้านี้ทีมที่ทำได้ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1968), ลิเวอร์พูล (1977 และ 1978), น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (1979 และ 1980), ลิเวอร์พูล (1981), แอสตัน วิลล่า (1982), ลิเวอร์พูล (1984), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (1999) และลิเวอร์พูล (2005)
สถิติการพบกัน
นี่เป็นการพบกันครั้งที่ 151 ของทั้งสองทีม โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 65 ครั้ง เชลซี ชนะ 41 ครั้ง และเสมอ 44 ครั้ง และครั้งนี้จะเป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขาในฟุตบอลยุโรป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่เคยพบกับทีมจากอังกฤษเลยในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เคยพบกับสเปอร์ส ครั้งหนึ่งใน คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1963 – 64 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และทีมปีศาจแดงก็เอาชนะไปได้ และพวกเขาก็พบกับเอฟเวอร์ตันใน แฟร์ส คัพ ฤดูกาล 1964 – 65 รอบ 16 ทีมสุดท้าย และพวกเขาก็เอาชนะไปได้เช่นกัน
ส่วนเชลซี สามารถเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ คัพวินเนอร์ส คัพ ปี 1970 – 71 หลังจากเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ ส่วนในแชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาพบกับอาร์เซน่อล ในปี 2004 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และเอาชนะไปได้ 3 – 2 แต่จากนั้นก็พ่ายต่อลิเวอร์พูล ในรอบรองชนะเลิศ ในปีถัดมาพวกเขาก็อยู่กลุ่มเดียวกับลิเวอร์พูล และทั้ง 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาก็เสมอกันไป 0 – 0 ทั้ง 2 นัด ในฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาพบกับลิเวอร์พูล อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ แต่ก็แพ้ทีมหงส์แดงไป แต่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาสามารถแก้แค้นลิเวอร์พูล ได้ โดยการเอาชนะลิเวอร์พูล ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะเข้ามาพบกับแมนฯ ยูไนเต็ด
สถิติในฟุตบอลยุโรป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยุโรป 3 ครั้ง : แชมเปี้ยนส์ คัพ ในปี 1967 – 68 (เอาชนะเบนฟิก้า 4 – 1) คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1990 – 91 (เอาชนะบาร์เซโลน่า 2 – 1) และแชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1998 – 99 (เอาชนะบาเยิร์น มิวนิค 2 – 1)
ส่วนเชลซีคว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ 2 ครั้ง คือ ปี 1971 (เอาชนะรีล มาดริด) และในปี 1998 (เอาชนะ สตุตการ์ท 1 – 0) และครั้งนี้เป็นการเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกของเชลซี
ฟอร์มในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครเลยในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ โดยชนะ 9 นัด และเสมอ 3 นัดจากทั้งหมด 12 นัด และหากพวกเขายังรักษาสถิตินี้ไว้โดยการเอาชนะเชลซี ได้ พวกเขาก็จะเป็นสโมสรเดียวที่สามารถรักษาสถิติไม่แพ้ใคร ในฟุตบอลยุโรปได้จนกระทั่งคว้าแชมป์ ถึง 2 ครั้ง (ครั้งแรกในปี 1998 – 99)
ความพ่ายแพ้ต่อเอซี มิลาน 3 – 0 ในฤดูกาลที่แล้วเป็นการแพ้นัดสุดท้ายของพวกเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก
เชลซี ไม่แพ้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ติดต่อกันมา 3 นัดแล้ว โดยความพ่ายแพ้นัดล่าสุดเกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน โดยเป็นการแพ้ เฟเนร์บาห์เช่ 2 – 1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรก
ข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะ
มีนักเตะของเชลซี 8 คนในชุดนี้ที่เคยลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ และมี 6 คนในนี้ที่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์มาแล้ว ได้แก่ นิโคลาส อเนลก้า (ปี 2000) และ โคล้ด มาเกเลเล่ (ปี 2002) ซึ่งคว้าถ้วยนี้กับรีล มาดริด, เปาโล แฟร์ไรร่า และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ คว้าถ้วยนี้กับเอฟซี ปอร์โต้ ในปี 2004, อังเดร เชฟเชนโก้ คว้าถ้วยนี้กับเอซี มิลาน ในปี 2003 และ เบลเลตติ ช่วยบาร์เซโลน่า คว้าถ้วยนี้ในปี 2006 โดยทำประตูให้ทีมเอาชนะอาร์เซน่อล ไปได้ 2 – 1
ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนักเตะ 5 คนที่มีประสบการณ์ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศถ้วยนี้ แต่มี 6 คนที่เคยได้เหรียญชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในปี 1999 ไรอัน กิ๊กส์ และแกรี่ เนวิลล์ เป็นส่วนหนึ่งในทีมที่เอาชนะบาเยิร์น มิวนิค ไปได้ ในขณะที่ครั้งนั้นพอล สโคลส์ ติดโทษแบน และเวส บราวน์ เป็นเพียงตัวสำรอง แต่ทั้งสองคนก็ได้เหรียญชนะเลิศ, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ชนะแชมเปี้ยนส์ ลีก กับ อาแจ็กซ์ ในปี 1995, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ คว้าแชมป์กับบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2001 และ ปาทริซ เอฟร่า ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศกับโมนาโก ในปี 2004 แต่ก็แพ้ไป
หากได้ลงเล่น ไรอัน กิ๊กส์ ก็จะทำลายสถิติของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด 758 นัด นอกจากนี้ กิ๊กส์ยังลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดเป็นสถิติของสโมสรคือ 103 นัด
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือผู้ทำประตูสูงสุดแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ด้วยจำนวน 7 ประตู โดยเขาทำประตูได้ทั้งหมด 41 ประตูในฤดูกาลนี้ มีเพียง เดนิส ลอว์ (46 ประตูในปี 1963-64) และ รุด ฟาน นิสเตลรอย (44 ประตูในปี 2002-03) เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า
ส่วน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ของเชลซี ก็ทำประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นอันดับที่ 2 โดยทำได้ 6 ประตู
หากได้ลงเล่น จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมเชลซี ก็จะได้ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นนัดที่ 50
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้จัดการทีม
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นปีที่ 22 และตลอด 22 ปีมานี้เขาพาทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 10 ครั้ง เอฟเอ คัพ 5 ครั้ง ลีกคัพ 2 ครั้ง แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 ครั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง อินเตอร์ คอนติเนนทอล คัพ 1 ครั้งและ แชร์ริตี้/คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 6 ครั้ง
และถ้าหากรวมกับผลงานของเขาในการคุมทีมในสก๊อตแลนด์แล้ว เขาก็นำทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ ทั้งหมด 28 ครั้ง
เซอร์ อเล็กซ์ ด้วยวัย 66 ปี ถือเป็นผู้จัดการทีมมีอายุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยผู้จัดการทีมที่อายุมากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก คือ เรย์มงด์ โกธาลส์ ชาวเบลเยี่ยม ซึ่งพาทีมโอลิมปิก มาร์กเซย คว้าแชมป์ในปี 1992 – 93 ด้วยวัย 71 ปี
ทางด้าน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซี ลงเล่นนัดแรกเป็นนัดที่พ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 0 ในเกมพรีเมียร์ ลีก วันที่ 23 กันยายน 2007 และภายใต้การคุมทีมทั้งหมด 52 ของเขา เขาพาทีมเชลซีชนะ 36 ครั้ง เสมอ 12 ครั้ง และแพ้ 3 ครั้ง
แกรนท์ คว้าแชมป์ลีก 4 ครั้งในฐานะหัวหน้าโค้ช โดย 2 ครั้งกับการทำงานให้กับ มัคคาบี้ เทล อาวีฟ และอีก 2 ครั้งกับ มัคคาบี้ ไฮฟา
ข้อมูลน่าสนใจอื่นๆ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ด้วยคะแนน 87 คะแนน จากทั้งหมด 38 นัด โดยมีคะแนนมากกว่าทีมอันดับ 2 คือเชลซี อยู่ 2 คะแนน พวกเขาทำประตูได้ทั้งหมด 80 ประตู มากกว่าเชลซี อยู่ 15 ประตู และเสียประตู 22 ประตู น้อยกว่าเชลซี อยู่ 4 ประตู
นี่จะเป็นครั้งที่ 2 ที่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปมาเล่นกันที่ สนามลุซนิกิ โดยก่อนหน้านี้ เป็นสนามสำหรับนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า คัพ ในปี 1999 ซึ่งปาร์ม่า มาคว้าแชมป์ได้ที่นี่หลังจากเอาชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย ไปได้ 3 – 0
Opal